Notice: Function _load_textdomain_just_in_time was called incorrectly. Translation loading for the woocommerce-services domain was triggered too early. This is usually an indicator for some code in the plugin or theme running too early. Translations should be loaded at the init action or later. Please see Debugging in WordPress for more information. (This message was added in version 6.7.0.) in /var/www/html/wp-includes/functions.php on line 6121 The Piracy Vipe เล่ห์กะโหลกไขว้ - Chapter 0 : Prologue - Xeiji Writing - Official Site
Skip to content

The Piracy Vipe เล่ห์กะโหลกไขว้ – Chapter 0 : Prologue

  • by

Chapter 0 : Prologue

“กัปตัน!”

เขาได้ยินเสียงร้องเรียกตัวเองแทนชื่อ หากแต่ครั้งนี้เขาไม่อาจตอบรับเสียงเรียกนั้นได้เหมือนเช่นทุกครั้ง นัยน์ตาสีดำทอดมองเหล่าลูกน้องที่ยืนแออัดบนเรือเล็กสามลำ แม้ตัวเขาอยู่ห่างออกไปหลายช่วงเรือ แต่ก็เห็นสีหน้าตกใจระคนหวาดหวั่นและเศร้าโศกอย่างชัดเจน

แกร๊ง…

เสียงโลหะกระทบกันเบา ๆ ดึงสติให้ชายหนุ่มรู้ตัวดีว่าตอนนี้เขาไม่อาจกลับไปยืนตรงนั้นได้อีกแล้ว แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยกมือขึ้นถอดหมวกปีกกว้างบนศีรษะ ริมฝีปากพึมพำอะไรบางอย่างรัวเร็วจนจับใจความไม่ได้ ก่อนจะจับมันวางเหนือน้ำทะเล หมวกใบนั้นลอยละล่องไปทางลูกน้องคนหนึ่งที่โน้มตัวมารับได้พอดีราวกับจับวาง

แกร๊ง…

เสียงโลหะที่พันรอบข้อมือข้อเท้าดังขึ้นอีกครั้ง แต่ชายหนุ่มกลับไม่ใส่ใจสิ่งที่พันธนาการตัวเองอยู่ กลับฉีกยิ้มเล็กน้อยส่งท้ายให้กับกลุ่มลูกเรือที่พร้อมใจกันลุกขึ้นยืน และโค้งคำนับให้เขาอย่างพร้อมเพรียง

เขารู้ว่านี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้เห็นภาพเช่นนี้ แต่ก็เป็นครั้งสุดท้ายที่น่าจดจำไม่เลว

“พิรี้พิไรเสียจริง” น้ำเสียงห้าวแข็งกระด้างและเต็มไปด้วยความหงุดหงิดดังขึ้นข้างหลัง หากแต่คนถูกค่อนแคะทำเพียงเหยียดยิ้มเย้ยหยัน 

ชายหนุ่มผู้ถูกพันธนาการปล่อยให้ ‘ทหารเรือ’ ยศสูงในเครื่องแบบสีกรมท่าออกคำสั่งให้กะลาสีเรือชักสมอเรือขึ้น ตามมาด้วยเสียงบอกต่อคำสั่งเป็นทอด ๆ ที่ดังระงม หากหันหน้ากลับไปมองสักนิด เขาคงได้เห็นภาพความวุ่นวายของการชักใบเรือขึ้นสู่ยอดเสาซึ่งส่งผลให้เรือราชนาวีลำใหญ่ก็เริ่มเคลื่อนที่

แต่นั่นไม่ใช่หน้าที่ของเขา และเขาไม่เคยใคร่จะใส่ใจ

ภาพของลูกเรือในเรือบดลำเล็กเริ่มห่างออกไป…ห่างออกไป…จนกระทั่งไม่เห็นแม้แต่เงา

ได้เวลาแล้ว

ชายหนุ่มขยับเข้าไปใกล้กาบเรือท่ามกลางสายตานับสิบคู่ของนายทหารเรือที่คอยระแวดระวังเขา…ผู้ที่ถูกพันธนาการทั้งมือและเท้าจนแทบไม่อาจกระดิกกระเดี้ย

“คิดจะทำอะไร?” เสียงเดิมถาม

หากแต่เขาไม่ตอบ นัยน์ตาสีดำหรี่มองผืนน้ำของท้องทะเลที่ท้องเรือแล่นผ่าน ก่อนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าโปร่ง ปลายจมูกขยับคล้ายกำลังรับรู้กลิ่นของอะไรบางอย่างที่นาวิกโยธินยศสูงผู้นั้นไม่เข้าใจ

ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนแปลง…

…เช่นเดียวกับผืนน้ำ

เมฆฝนจากทิศใต้เริ่มแผ่ขยายอาณาเขต ต้นหนตะโกนร้องบอกแจ้งเตือนพายุที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ “พันเอก! คลื่นมรณะ!!” สิ้นคำนั้นราวกับกรรไกรตัดเชือกความสงบนิ่งของเหล่าลูกเรือ ความตื่นตระหนกแผ่ซ่านไปทั่วทั้งเรือราชนาวี เสียงตะโกนออกคำสั่งรับมืคลื่นมรณะดังระงมยิ่งกว่าเก่า เสียงฝีเท้าวิ่งพล่านกระแทกกระดานไม้ดังแข่งกัน

ไม่มีใครอยากออกทะเลแล้วพบคลื่นมรณะ เพราะไม่เคยมีใครรอดชีวิต

…เพราะมันหาใช่คลื่นอันเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ…

“เซเรส ไวป์!” 

คอเสื้อถูกกระชากอย่างแรงให้เผชิญหน้ากับความโกรธเกรี้ยวของพันเอกแห่งกองทัพเรือ หากแต่นัยน์ตาสีดำกลับพริ้วไหวไปด้วยความท้าทายและเหยียดหยัน “บอกลาเรือลำน้อย ๆ ของเจ้าได้เลย” ชายหนุ่มเอ่ยน้ำเสียงของผู้ชนะ

“แต่ข้าผนึกพลังของเจ้าไปแล้ว!”

นัยน์ตาสีดำหลุบมองข้อมือของตนที่ถูกพันธนาการ เห็นรอยสักรูปโซ่สีดำสามเส้นปรากฏอย่างเลือนรางรอบข้อมือของตน…สัญลักษณ์ของการ ‘ปิดผนึก’ อันเป็นตราประจานตัวตนของ ‘โจรสลัดผู้ถูกท้องทะเลทอดทิ้ง’

หากแต่ชายหนุ่มกลับยังคงเหยียดยิ้มอยู่เช่นเดิม

เจ้า…”

“ลาล่ะ”

สิ้นคำนั้น คลื่นมรณะก็เคลื่อนตัวมาถึงเรือราชนาวี เกลียวคลื่นโหมกระหน่ำกระแทกกราบเรืออย่างแรงจนเรือแทบพลิกคว่ำ หากแต่มากพอให้เหล่าลูกเรือไม่อาจรั้งสติไว้ได้เมื่อเห็นเพื่อนร่วมชะตากรรมถูกแรงกระแทกจนตกลงไปสู่ความมืดมิดของท้องทะเล

“พันเอก ทำอย่า…!!” เสียงกัปตันเรือถูกกลืนลงลำคอเมื่อดวงตาสะท้อนภาพของยอดคลื่นมรณะสูงเหนือเสากระโดงเรือ

และเพียงแค่พริบตาเดียวเรือราชนาวีทั้งลำ เหล่ากะลาสีเรือ และนาวิกโยธินร่วมครึ่งร้อยก็ถูกกลืนหายไป…

…ผิวน้ำนิ่งสงบราวกับไม่เคยเกิดเหตุการณ์ใด…

ไร้ร่องรอยให้ควานหา 

…ไม่มีแม้แต่ผู้รอดชีวิต

เช่นเดียวกับผู้ที่สร้าง ‘คลื่นมรณะ’ ผู้นั้น ราวกับว่าเกลียวคลื่นมฤตยูได้กลืนกินผู้สร้างเข้าไปแล้วด้วยเช่นกัน

“ตำนานเล่าขานนานนับพันปี นับแต่มนุษย์รู้จักการเดินเรือ

แลเนิ่นนานกว่าร้อยปีของประวัติศาสตร์แห่งโจรสลัด

มีเพียงราชันย์โจรสลัดผู้ครอบครองพลังควบคุมผืนน้ำ

แลยามนี้ประวัติศาสตร์ร่วมจารึก

เซเรส ไวป์

ราชันย์แห่งโจรสลัดคนสุดท้ายจากไปพร้อมคลื่นมรณะ

กุมความลับของท้องทะเล

ไม่มีผู้ใดได้พบเห็นนับตั้งแต่วันนั้น”

.

.

To Be Continued

#เล่ห์กลกะโหลกไขว้