Chapter 3 : Enemy
แกร๊ก…
กล้องตาเดียวถูกดึงให้ขยายความยาวก่อนเจ้าของจะยกขึ้นในระดับสายตา นัยน์ตาสีทองแดงมองลอดผ่านเลนส์ซึ่งในยามนี้ขยายภาพของสิ่งก่อสร้างคล้ายประภาคาร แต่ได้รับการดูแลอย่างเข้มงวดยิ่งกว่าโดยกองทัพเรือโลก มองจากในระยะนี้สามารถมองเห็นเวรยามตรึงกำลังเกือบทุกตารางนิ้วมากกว่าทุกวัน สาเหตุก็คงหนีไม่พ้นการบุกหอนิรภัยของกลุ่มโจรสลัดบลายน์
‘หออาลักษณ์’ แห่งนี้จะมีสิ่งที่อิไล บลายน์ตามหาหรือไม่นั้นเขาสุดจะรู้ได้ ซึ่งผู้ที่รู้ก็คงมีเพียงผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพเรือโลก และ ‘เจ้าของ’ ตัวจริงของสิ่ง ๆ นั้น
เขาเชื่อว่าอิไลจะลงมือบุกหออาลักษณ์คืนนี้ เพราะนอกเหนือจากการเปิดตัวเสียเอิกเกริกที่น่านน้ำเมืองเคนท์ ก็ต่อด้วยการแขวนศพทหารเรือ ณ ผาลงทัณฑ์เมื่อวาน เขาชื่นชมความเก่งกาจและเจ้าเล่ห์ของอิไลก็จริง แต่ความมุทะลุและชอบทำอะไรตามอารมณ์เป็นส่วนใหญ่ซึ่งเป็นที่โจษจัณฑ์ในหมู่โจรสลัดด้วยกันเองชวนให้หน่ายใจเหลือเกิน
“กัปตัน”
เสียงเรียกอย่างแผ่วเบาที่ดังขึ้นจากเบื้องล่างไม่ได้ทำให้เขาละสายตาจากภาพขยายในกล้องตาเดียว “ว่า?” เขาถามกลับ ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วที่รั้วรอบหออาลักษณ์
“กลุ่มของบลายน์ราว 5-6 คนล้อมหออาลักษณ์ไว้แล้ว แต่คนที่บุกเข้าข้างในมีแค่บลายน์เท่านั้น”
ไม่ต่างจากที่คาดการณ์เท่าไรนัก มุมปากยกยิ้มเล็กน้อยขณะที่เขาลดกล้องตาเดียวลง “ทำตามแผนเดิม” เขาพูดเสียงเรียบเรื่อย แล้วร่างสูงในเสื้อแขนยาวสีแดงซึ่งคอเสื้อแหวกลึกลงมาถึงแผงอกและมีโค้ทสีดำยาวสวมทับก็กระโดดลงจากกิ่งไม้มายังพื้นเบื้องล่างอย่างเงียบกริบ แต่ก็ยังมีเสียงฝักดาบที่เอวเสียดสีเสื้อผ้า เขาเหยียดกายขึ้นเต็มความสูงขณะเก็บกล้องตาเดียวเข้ากระเป๋าเสื้อโค้ท “ถ้าบลายน์ได้ของที่ต้องการ ก็เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ซะ ใครขวาง…” เขาค้างประโยคไว้เมื่อตวัดสายตามองลูกเรือของตน “…ก็ฆ่าทิ้งให้หมด”
“รับทราบ กัปตันเทรย์” อีกฝ่ายพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน
“รอส”
ลูกเรือนาม ‘รอส’ ที่กำลังจะผละไปชะงักเล็กน้อย “มีอะไรจะสั่งเพิ่มหรือกัปตัน?” เขาถามขณะมองอีกฝ่ายที่นิ่งไปครู่หนึ่งราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“เจ้าบอกข้าว่าที่พอร์ทรอยัลไม่มีโจรสลัดกลุ่มอื่น นอกจากพวกเราและกลุ่มของบลายน์” ในที่สุดเสียงทุ้มต่ำก็เอ่ยขึ้น
“ใช่ มีแค่นี้ และคงไม่มีโจรสลัดกลุ่มไหนอีกที่บ้าดีเดือดมาซ่อนตัวใต้จมูกกองทัพเรือโลกหรอก” ท้ายประโยคนี้ราวกับกำลังประชดประชันกัปตันโจรสลัดแห่งเรือทาลิสแมนซึ่งหากไม่ใช่รอสที่เป็นคนสนิท ก็คงไม่มีลูกเรือคนไหนกล้าเอ่ยเช่นนี้กับกัปตันของตน
เทรย์ไม่ได้สนใจน้ำเสียงนั้น หากแต่เขากำลังนึกถึงเหตุการณ์เมื่อไม่กี่วันก่อน ณ จัตุรัสกลางเมือง วันที่เขาไปเคารพศพของกัปตันลาโบแห่งเรือลาร็องส์…เขามั่นใจว่ามีใครอีกคนอยู่ตรงนั้น แม้ไม่เห็นหน้าค่าตาด้วยแสงสว่างอันน้อยนิด แต่เขาเชื่อว่าตนมองไม่ผิดว่าร่างปริศนานั้นแสดง ‘การไว้อาลัย’ ที่มีแต่โจรสลัดเท่านั้นที่รู้และกล้าที่จะทำ
หากไม่ได้เป็นโจรสลัด แล้วรู้ได้อย่างไร?
หรือหากเป็นโจรสลัด เหตุใดจึงรอดการสอดแนมของรอสไปได้?
“มีอะไรหรือเปล่า?”
เทรย์ทำเพียงส่ายหน้าเล็กน้อย “เปล่า” เขาตอบสั้น ๆ ก่อนปล่อยให้ลูกเรือของตนผละไปก่อน ส่วนตัวเขานั้นแม้จะยังติดใจเรื่องตัวตนของบุคคลปริศนาผู้นั้น แต่ก็ไม่ได้สำคัญถึงขนาดต้องเก็บมาคิดให้วุ่นวาย ในเมื่อมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องทำอยู่ตรงหน้า
เพราะสมบัติของ ‘เซเรส ไวป์’ น่าสนใจมากกว่าเป็นไหน ๆ
เขากระชับผ้าโพกหัวสีแดงซึ่งพันทับเส้นผมยาวสีน้ำตาลเข้มอีกครั้ง ก่อนที่นัยน์ตาสีทองแดงจะเงยขึ้นสบยอดหออาลักษณ์
หากในยามปกติ ระบบรักษาความปลอดภัยอันน้อยนิดของหออาลักษณ์ไม่คณนามือเขาแน่นอน แต่ในเวลานี้เพราะความมุทะลุของอิไล บลายน์ เมื่อคาดคะเนผลดีผลเสียแล้ว…การรอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์หลังจากอีกฝ่ายทะลายการป้องกันของกองทัพเรือโลกจะทำให้เขาสูญเสียกำลังคนน้อยกว่า
ดีไม่ดี เลือดของทหารเรืออาจไหลอาบพอร์ทรอยัลมากกว่าครั้งไหน ๆ
เมื่อนึกว่าจะได้ใช้เลือดของผู้ร้ายในเครื่องแบบไปเซ่นไหว้สิ่งที่เขาสูญเสียเพราะกองทัพเรือโลก แววตาพลันเป็นประกายกร้าวและเต็มไปด้วยความกระหายเลือด แล้วเทรย์ก็ออกวิ่งพร้อมกับแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผากและเหยียดยิ้มหยันด้วยความสาแก่ใจ
###
ตึง!
ร่างของชายหนุ่มในเครื่องแบบสีน้ำเข้มร่วงลงไปกองกับพื้นที่เปียกแฉะ ร่างนั้นนอนหงายแน่นิ่ง เผยให้เห็นเลือดที่ไหลออกจากบาดแผลยาวซึ่งตัดพาดผ่านลำคออย่างแม่นยำ ไม่ต่างจากอีกร่างที่นอนแผ่หลา เลือดชุ่มรอยเชือดคมกริบและไหลอาบลำคอ ดวงตาเบิกกว้างราวกับลูกตาจะหลุดออกมาได้ทุกเมื่อ
เบื้องหลังร่างไร้วิญญาณที่ร่วงลงไปกองกับพื้นนั้นคือ ชายร่างสูงกำยำในเสื้อแขนยาวสีตุ่นและสวมทับด้วยกั๊กหนาสีเทาเข้ม เส้นผมสีควันบุหรี่สั้นแทบติดหนังศีรษะมีคราบสีแดงสาดกระเซ็นมาโดนเล็กน้อย เขาเหยียดกายขึ้นเต็มความสูงขณะสะบัดคราบเลือดบนมีดเล่มเล็กในมือซ้ายให้หลุดออกด้วยสีหน้าที่ยังเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม ดวงตาสีน้ำเงินอำมหิตเหลือบมองร่างไร้ชีวิตทั้ง 2 ร่างบนพื้นราวกับมองเบี้ยไร้ประโยชน์ที่ไม่ควรค่าแก่การถูกพูดถึง
“เพิ่มกำลังคนแค่ไหน แต่ยังใช้รหัสเก่ากับกุญแจเดิม โง่ฉิบหาย” คำดูถูกถูกพ่นใส่หน้าทหารเรือผู้พ่ายแพ้
เขาตวัดสายตากลับไปมองอาคารสูงเบื้องหลังตน แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว แต่แสงสว่างจากคบเพลิงโดยรอบ ‘หออาลักษณ์’ ยังคงส่องสว่าง เพื่อการรักษาความปลอดภัย และมันก็สว่างมากพอให้เขาเห็นซากศพจำนวนนับโหลของทหารเรือผู้รักษาการณ์กระจายอย่างเกลื่อนกลาด บ้างอยู่บนพื้น บ้างนอนคว่ำเหนือราวบันได
แอ่งเลือดจำนวนไม่น้อยกลายเป็นสีแต่งแต้มหออาลักษณ์อันจืดชืดให้มีสีสีน แต่ไร้ซึ่งชีวิต
คนจำนานมากกว่าแล้วอย่างไร แต่ถ้าไร้ฝีมือ ก็ไม่ต่างจากหมูในอวยรอให้เขาและลูกเรือเชือดคอ สุดท้ายแล้ว ก็ถูกอิไล บลายน์ บุกรุกและขโมยของออกมาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้
เขาแค่นเสียงดูถูกในลำคอก่อนก้าวข้ามศพทั้งสองไปอย่างไม่ใยดี มือข้างที่ใช้สังหารคนเมื่อครู่ล้วงเข้าไปในกระเป๋าผ้าที่สะพายติดหลังก่อนจะหยิบม้วนแผ่นกระดาษสีเหลืองอ่อนออกมา นัยน์ตาสีเทาเข้มกวาดสายตามองเส้นสายบนกระดาษแผ่นนั้นด้วยความรู้สึกลำพอง
หลังจากเที่ยวตามหา ‘แผนที่’ แผ่นนี้ และคว้าน้ำเหลวไป 2 ครั้งติด ในที่สุดเขาก็ได้มันมาครอบครอง ริมฝีปากเหยียดยิ้มเยี่ยงผู้ชนะและพอใจเมื่อไม่มีรอยขีดข่วนใด ๆ ให้กวนใจ เขาผิวปากเป็นจังหวะ 2 ครั้งก่อนจะเก็บม้วนกระดาษแผ่นนั้นเข้าที่เดิม
แต่แล้ว…เขาก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ
การผิวปากเมื่อครู่นี้ คือการส่งสัญญาณบอกให้ลูกเรือรู้ว่าแผนการสำเร็จ และให้เคลื่อนพลกลับเรือได้ อย่างน้อยเขาก็ควรได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากนอกรั้ว แต่นี่กลับเงียบกริบ
แล้วตอนนั้นเองที่หางตาเหลือบเห็นเงาของใครคนหนึ่งที่ขยับมาขวางทาง
อิไลหันไปมองโดยไม่ลังเล จึงเห็นชายร่างสูงคนหนึ่งในเสื้อแขนยาวคอลึกสีแดง และสวมโค้ทสีดำยาวทับ ที่เอวมีเข็มขัดหนังสีน้ำตาลเส้นใหญ่ซึ่งมีดาบเหน็บไว้ แม้จะเคยเห็นหน้าค่าตาไม่กี่ครั้ง แต่มีหรือที่จะจำอีกฝ่ายไม่ได้…
ในเมื่อเป็นถึง 1 ในกัปตันโจรสลัดไม่กี่รายที่ค่าหัวสูงลิบ และยังเป็นที่ต้องการตัวเป็นอันดับต้น ๆ ของกองทัพเรือโลก
“เทรย์ เจย์เดน”
ผู้ขวางทางไม่เปลี่ยนสีหน้าใด ๆ แม้ทิศทางของสายตาเปลี่ยนจากใบหน้ากร้านแดดนั่นไปยังม้วนกระดาษในมืออีกฝ่าย “ได้ของที่ต้องการสักทีสินะ?” เขาถามนิ่ง ๆ
บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาทันทีที่ประโยคนั้นจบลง หากแต่อิไลกลับเหยียดยิ้มหยันพร้อมกับยกมือขึ้นกอดอก “เจ้าก็อยากได้งั้นหรือ? สมบัติของเซเรส…!!!” แต่ไม่ทันได้เอ่ยจบประโยคก็ต้องกลืนคำพูดลงคอ เมื่อหมัดลุ่น ๆ แหวกอากาศพุ่งใส่ใบหน้าของเขาอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็เบี่ยงตัวหลบก่อนที่มันจะปะทะใบหน้าของเขาพร้อมกับปัดหมัดนั้นออกจากตัว
“เล่นทีเผลอฉิบหาย” อิไลสบถพร้อมเหวี่ยงมืออีกข้างอย่างรวดเร็ว เล็งให้รอยต่อของนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ปะทะกับพื้นที่ใต้จมูกซึ่งเป็นจุดรวมเส้นประสาท
เทรย์ไม่โต้ตอบคำปรามาสนั้น และหลบหลีกได้ทัน เขาจับมือข้างนั้นบิดอีกทางทันที หากแต่อีกฝ่ายหมุนข้อมือตามแรงจนหลุดจากการเกาะกุมและก้าวไปอยู่ข้างหลังคู่ต่อสู้อย่างรวดเร็ว อิไลโยนถุงน้ำที่เหน็บไว้ที่เอวขวาก่อนคว้ามีดที่ซ่อนไว้ออกมาจากแขนเสื้อ
ปลายมีดตวัดเฉือนถุงน้ำนั้นจนขาดสะบั้น เป็นจังหวะเดียวกับที่เทรย์หมุนตัวเตะตวัดหลัง โดยเล็งไปที่ศีรษะของคู่ต่อสู้ก่อนที่ ‘น้ำทะเล’ จากถุงน้ำนั้นจะเปลี่ยนรูปร่างเป็นอาวุธ อิไลที่ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะตามจังหวะทันจึงรีบเอนตัวหลบ กลายเป็นเสียโอกาสตอบโต้ไปหนึ่งจังหวะ
แต่นั่นเป็นโอกาสทองของเทรย์ “ขอแผนที่ไปล่ะ!” เทรย์ตวาดพร้อมเหยียดแขนไปข้างหน้า หมายฉกฉวยย่ามที่พาดอยู่ที่ไหล่ของอีกฝ่าย แต่มือของเขากลับถูกปัดลงพร้อมกับอาวุธจากน้ำทะเลที่กลายสภาพเป็นเข็มนับสิบเล่มพุ่งเข้าใส่ร่างของโจรสลัดหนุ่ม
“ฝันเถอะไอ้หนู!”
เทรย์ทำเสียงไม่พอใจในลำคอพร้อมกับถีบตัวหนีปลายแหลมของเข็มที่พุ่งเข้าหา พวกมันกระแทกใส่กันเองและกลับสู่สภาพของเหลวตามเดิม และทั้งสองก็ไม่รอช้าที่จะเปลี่ยนอาวุธที่ใช้โจมตี พวกเขาต่างชักดาบที่เหน็บไว้ที่เอวออกมาอย่างรวดเร็ว
คมดาบกระแทกใส่กันเมื่อเจ้าของออกแรงเหวี่ยงอย่างรุนแรง ดาบแล้วดาบเล่าที่ปะทะกันด้วยทักษะที่ทัดเทียมกัน แต่สายตาของเทรย์รังแต่จะจับจ้องอยู่ที่ย่ามผ้าใบนั้น เขาหมุนควงดาบที่ปะทะกันเพื่อหาช่องว่างคว้าสายสะพายนั้น แต่ทุกครั้งก็โดนรู้ทันตลอดจนน่าโมโห
“เจ้ารู้หรือว่าสมบัติของไวป์คืออะไร?” อิไลถามกลั้วหัวเราะเมื่อความพยายามของอีกฝ่ายไม่สำเร็จ เมื่อพูดจบก็เบี่ยงตัวไปข้าง ๆ ก่อนเปลี่ยนจากการใช้ดาบเป็นการเตะที่ข้อพับของคู่ต่อสู้อย่างไม่ออมแรง
“หาเจอเดี๋ยวก็รู้” เทรย์โต้กลับพร้อมขยับขาข้างนั้นหลบได้ทัน และเป็นฝ่ายถีบข้อเท้าที่หมายทำร้ายได้ทัน หลังหมัดลุ่น ๆ ของมือข้างที่ไม่ได้ถือดาบเหวี่ยงไปพร้อมกัน และมันก็กระแทกกับขมับของอิไลเข้าอย่างจังจนร่างกำยำนั้นถึงกับเซ
แน่นอนว่าเทรย์ไม่ยอมให้โอกาสนี้หลุดลอยไป เขารีบพุ่งเข้าใส่และคว้าสายสะพายนั้นไว้ แต่เพราะเผลอประมาทไปเพียงแค่นิดเดียว…เขาจึงไม่ทันเห็นปลายมีดสั้นที่มือซ้ายของคู่ต่อสู้ที่แหวกอากาศตรงมายังหน้าอกของเขา
“หลบ!!”
แต่เพราะเสียงตะโกนไร้ที่มานั้นทำให้นัยน์ตาสีทองแดงทันสะท้อนภาพคมมีดนั้น เขารีบเบี่ยงตัวหลบองศาในวินาทีสุดท้าย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่อาจหลบปลายมีดที่กรีดลึกที่แผ่นอกเขาจนเป็นทางยาวได้ เลือดสีแดงไหลซึมออกมาตามรอยแผลยาวจนเปียกชุ่มเนื้อผ้าสีเดียวกัน แม้จะรอดพ้นความตายมาได้ แต่มันก็เจ็บไม่ใช่น้อย เทรย์กัดฟันกรอดด้วยความเจ็บใจที่ประมาทเกินไป
แต่ถึงหัวเสียมากแค่ไหน ในเวลานี้ความประหลาดใจกลับมีมากกว่า เมื่อตรงหน้าปรากฏแผ่นหลังของชายรูปร่างผอมสูงคนหนึ่งที่สวมชุดดำทั้งตัว เส้นผมสีดำแต่คล้ายกับเหลือบเขียวเล็กน้อยเหมือนแสงไฟตกกระทบนั้นถูกมัดเป็นหางม้าเล็ก ๆ ดูแปลกตา และมีปลายผ้าสีดำมัดเป็นปมอยู่ที่หลังศีรษะ
ชายปริศนาผู้นี้ปิดหน้าปิดตาอย่างน่าสงสัยพอ ๆ กับการที่ปรากฏตัว ณ หออาลักษณ์แห่งนี้อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย…และที่สำคัญคือผ่านลูกเรือทาลิสแมนของเขามาได้อย่างไร้รอยขีดข่วน
“ใคร…” แต่ไม่ทันที่เขาจะได้พูดจบประโยค ร่างสูงนั้นก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว พุ่งเข้าหาอิไลอย่างไม่กลัวเกรงพร้อมกับเหวี่ยงหมัดลุ่น ๆ ไปยังใบหน้าของคู่ต่อสู้ที่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าตกใจมากเพียงไร
เทรย์ขมวดคิ้วมุ่น ตกใจ?
“เจ้า!” อิไลคำรามลั่น …และนั่นเป็นครั้งแรกที่เทรย์เห็นอีกฝ่ายสูญเสียการควบคุมอารมณ์
การออกหมัดออกเท้าของอิไลดูแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด แน่นอนว่าทุกการโจมตีนั้นรุนแรง แต่กลับสะเปะสะปะต่างจากตอนที่ต่อสู้กันเมื่อครู่นี้ ไม่เพียงเท่านั้น ดูเหมือนว่าการป้องกันจะช้าลงไปครึ่งจังหวะด้วยซ้ำไป…หรืออาจจะเป็นเพราะชายชุดดำเคลื่อนไหวเร็วเกินไปจนตามไม่ทัน
พลั่ก!
และตอนนี้ จังหวะที่ชายในชุดดำเหวี่ยงขาซ้ายขึ้นสูงในระดับศีรษะ อิไลก็ยกมือขึ้นป้องกันได้ทัน แต่กลายเป็นว่าเขาไม่อาจตามทันลูกเตะอีก 2 ครั้งที่รัวใส่ช่วงท้อง ตามด้วยการหมุนตัวและตวัดขาขวาเตะขมับด้วยฝ่าเท้าอย่างรวดเร็วและรุนแรง
อิไลถึงกับเซจนเกือบลงไปกองกับพื้น แต่ก็ยังมีสติทันหมุนตัวหลบมือที่พุ่งเข้ามาเพื่อคว้าเอาสายสะพายได้ทัน โจรสลัดหนุ่มหอบหายใจหนักขณะที่ก้าวถอยหลังหลายก้าวเพื่อรักษาระยะห่างให้ได้มากที่สุด แต่ไม่ทันไร คู่ต่อสู้ก็สืบเท้าเข้าใกล้อีกรอบเสียแล้ว
“ไอ้คนทรยศ” อิไลคำรามลอดไรฟันด้วยความโกรธแค้น “ทำไมเจ้า…!”
“เอาแผนที่คืนมา” เสียงอู้อี้กระซิบผ่านผ้าปิดปากสีดำพร้อมกับที่ออกหมัดเสยไปที่ลิ้นปี่ของอีกฝ่าย แต่อิไลกลับเอนตัวหลบพร้อมเหวี่ยงมีดสั้นในมือไปยังใบหน้าที่ถูกซ่อนไว้ใต้ผ้าปิดปาก หมายเฉือนเนื้อผ้าให้ขาดวิ่นและเปิดโปงตัวตน
หากแต่ในเสี้ยววินาทีนั้น ข้อมือกลับถูกมือกร้านแดดคว้าก่อนถูกบิดอย่างแรง!
“อ้ากกก!” เสียงโหยหวนดังขึ้นเมื่อกระดูกแทบหัก กลบเสียงมีดสั้นตกพื้นได้ชะงัด
ตอนนี้เป็นโอกาสทองที่จะฉวยเอา ‘แผนที่’ มาเป็นของตน แต่เพราะมันถูกจับจ้องด้วยสายตาอีกคู่มาโดยตลอด โจรสลัดหนุ่มที่บาดเจ็บก็กล้ำกลืนความเจ็บปวดจากบาดแผลพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว แต่ชายชุดดำก็ไม่ลังเลเลยที่จะหมุนตัวไปขวางทาง และส่งลูกถีบหลังไปที่ช่วงท้องของอีกฝ่ายอย่างแรงจนกระเด็นไปไกลหลายก้าว
เทรย์กัดฟันกรอดทั้งด้วยความเจ็บใจและจุกเสียด
คน ๆ นี้เคลื่อนไหวเร็วเกินไป
อีกทั้งกำลังกายยังมากมายมหาศาล ตรงกันข้าวกับรูปร่างที่ดูผอมสูง
“เซลิน่าตายก็เพราะเจ้า ทำไมเจ้าไม่ตายไปด้วย!” แต่ในจังหวะที่ชายชุดดำกำลังจะฉวยย่ามเจ้าปัญหานั้น อิไลก็ตวาดลั่นเสียงดัง และนั่นให้ชายชุดดำชะงักไปครึ่งจังหวะ…หากแต่เป็นช่วงเวลาที่อิไลรอคอยอยู่แล้ว
แอ่งน้ำทะเลเล็ก ๆ ที่หลงเหลือจากการต่อสู้เมื่อครู่นี้ก็ลอยตัวขึ้นและรวมตัวกันเป็นลูกบอลน้ำ ก่อนกระแทกใส่ใบหน้าของชายชุดดำทันที น้ำทะเลทำให้แสบตาเสียจนเผลอปิดตาหนีตามปฏิกิริยาของร่างกาย
เป็นโอกาสที่อิไลสร้างขึ้น เขาพุ่งเข้าคว้าคอของคู่ต่อสู้ และเหวี่ยงร่างนั้นลงกระแทกพื้นอย่างแรงโดยที่มือข้างนั้นยังไม่ปล่อยจากลำคอ
“อั่ก!” ชายชุดดำลมหายใจกระตุกวูบ เพราะไม่เพียงแต่แรงกระแทกที่หลังศีรษะเท่านั้น แต่จมูกก็แทบหายใจไม่ได้เมื่อผ้าสีดำเปียกชุ่มไปด้วยน้ำทะเล จึงทำให้อากาศผ่านได้ยากขึ้น
“ทำไมเจ้าไม่ตายตามเซลิน่าไปซะ!” อิไลตวาดใส่หน้าก่อนทิ้งตัวน้ำหนักตัวลงมาทับคนที่โดนเหวี่ยงลงพื้นเพื่อไม่ให้ดิ้นรนหนีได้ แต่กลับถูกเข่าของคนที่ยังไม่สิ้นฤทธิ์กระแทกที่หลังอย่างแรง เขาคำรามลั่นด้วยความโมโห แต่ก็ยังมีสติมากพอที่จะกระโดดหมุนตัวหนีอ้อมศีรษะเพื่อรักษาระยะห่างและไม่ให้มีใครคว้าย่ามของเขาไปได้อีก
ไม่ว่าจะเป็นเทรย์ เจย์เดน…หรือ ‘อริเก่า’ ผู้นี้
อิไลถอยห่างพร้อมกับยกมือทั้ง 2 ข้างขึ้น น้ำทะเลเมื่อครู่นี้ถูกเรียกกลับมาอีกครั้ง รูปลักษณ์ถูกปรับเปลี่ยน และก่อตัวกลายเป็นหนามแหลมหลายสิบอันที่ขนาดใหญ่กว่าเข็มหลายสิบเท่า “ไปตายให้หมด!” เขากระซิบลอดไรฟันและตวัดมือลง
อาวุธแหลมคมจากน้ำทะเลพุ่งตรงไปยังอริเก่า และเทรย์ เจย์เดนที่อยู่นอกวงการต่อสู้อย่างรวดเร็ว
คนที่บาดเจ็บกัดฟันกรอดขณะเบี่ยงตัวหลบหนามแหลมที่พุ่งเข้าใส่ พลังในการควบคุมน้ำทะเลของกัปตันโจรสลัดมีประโยชน์เสมอแม้มีขอบเขตในการใช้ที่จำกัด แต่ในขณะเดียวกันก็น่ารำคาญ เพราะในระดับพลังเดียวกัน เขาไม่สามารถลบล้าง ‘วัตถุ’ ใด ๆ อันเกิดจากพลังของผู้อื่นได้
ใช่ว่าเทรย์ไม่สามารถใช้พลังนี้ แต่เพราะการใช้แต่ละครั้งจะทำให้พลังกายลดลงตามความซับซ้อนของการใช้ ดังนั้นแล้วในหลาย ๆ ครั้งเขาจึงเลือกใช้กำลังกายของตนในการเข้าปะทะกันมากกว่า แต่ดูเหมือนว่าไม่ใช่กับอิไล บลายน์…ที่ทุ่มใช้พลังไปครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับไม่กลัวกำลังกายหมด เหมือนเช่นตอนนี้ที่เจ้าตัวสร้างอาวุธจากน้ำทะเลเพิ่มขึ้นเพื่อโจมตีชายชุดดำผู้นั้นคนเดียว
เทรย์เลิกสนใจชายคนนั้นเมื่อหางตาจับการเคลื่อนไหวของหนามแหลมได้ ก่อนเบี่ยงตัวหลบอย่างทุลักทุเลเพราะอาการบาดเจ็บ เขาตัดสินใจคว้าถุงน้ำที่เหน็บเอวออกมาเตรียมพร้อมตอบโต้ถึงไม่ค่อยอยากใช้เท่าไรนัก แม้จะโดนหนามแหลมแฉลบที่เข่าขวา แต่เทรย์ก็สะบัดถุงน้ำของตนให้น้ำทะเลที่เตรียมมาสาดกระจาย
นัยน์ตาสีทองแดงเป็นประกายยามน้ำทะเลกลายเป็นโล่น้ำแข็ง ป้องกันทุกหนามแหลมที่เหลือที่พุ่งเข้าใส่ได้อย่างทันท่วงที พร้อม ๆ กับที่รู้สึกได้ว่ากำลังกายของตนลดลงไปหนึ่งขีด
เทรย์ลดโล่ลงเมื่อทุกการโจมตีหยุดลงแล้ว เกิดความสงสัยในใจว่าชายชุดดำผู้นั้นจะเป็นอย่างไรบ้างแม้ลึก ๆ แล้วเขาค่อนข้างมั่นใจว่าด้วยฝีมือระดับนั้น คงไม่ใช่ปัญหาอะไร…และเขาก็คิดถูก เพราะในเวลานี้ชายปริศนานั้นกำลังรุกไล่อิไลด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม ในขณะที่อิไลทำได้แต่ตั้งรับอย่างทุลักทุเล…พร้อมด้วยสีหน้าตื่นตกใจราวกับเห็นภูตผี
“เป็นไปไม่ได้!”
“เสียใจด้วยที่อสรพิษยังไม่ถูกตีจนตาย” ชายชุดดำเอ่ย แม้จากระยะนี้ เทรย์ก็ยังสัมผัสได้ว่ามันเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ร่างสูงโปร่งกระโจนเข้าใส่พร้อมแอ่งน้ำรอบกายที่คล้ายกับว่ากำลังจะเปลี่ยนรูปร่างท่ามกลางความตื่นตกใจของทุกคน
ปลายนิ้วเอื้อมแตะสายสะพายได้ในจังหวะนั้น
แต่แล้วเทรย์ก็จับการเคลื่อนไหวที่หางตาได้ เขาไม่แน่ใจว่าอะไรดลใจให้เขาทำเช่นนี้ หรืออาจจะเป็นเพราะความรู้สึกที่ติดหนี้บุญคุณชีวิตไว้ เขาพุ่งเข้าหาชายชุดดำคนนั้นก่อนคว้าไหล่ของอีกฝ่ายและกระชากเข้าหาตัว การเคลื่อนไหวที่สวนทางกันทำให้เสียหลักจนพวกเขาล้มลงไปนอนกับพื้น และ…
ปัง!!
ทันใดนั้น กลิ่นเขม่าปืนฟุ้งกระจาย ลูกกระสุนพุ่งแหวกอากาศฝังเข้าที่ไหล่ขวาของอิไล เขาเม้มปากแน่นข่มความเจ็บปวดก่อนที่นัยน์ตาสีน้ำเงินจะมืดครึ้มลงหลายส่วนเมื่อมองไปยังทิศที่มาของลูกกระสุน และเห็นร่างสูงกำยำในเครื่องแบบสีกรมท่าที่ยืนจังก้าไม่ห่างจากตรงที่เขาตะลุมบอนกับคู่อริอยู่ไม่มากนัก ในมือของชายคนนั้นถือปืนกระบอกหนึ่งที่ปลายกระบอกมีควันโชยออกมา
เดาได้ไม่ยากว่าปืนกระบอกนั้นเป็นเจ้าของลูกกระสุนลูกที่ฝังอยู่ในไหล่ของเขานี่
“แคร์รี่ วอลเลซ” อิไลกัดฟันกรอดด้วยความเจ็บแค้น แม้จะเจ็บใจที่ถูกขัดจังหวะจนไม่อาจจัดการคู่อริ แต่เขาจะถูกจับตอนนี้ไม่ได้ โจรสลัดหนุ่มรีบก้าวถอยหลังหมายจะถอยทัพพร้อมกับเค้นกำลังเฮือกสุดท้าย มือทั้งสองข้างวาดขึ้นบนอากาศก่อนที่น้ำทะเลแอ่งสุดท้ายที่เหลืออยู่จะพุ่งขึ้นตามทิศทางการเคลื่อนไหวของมือ
ห่าฝนน้ำทะเลสุดท้ายสาดซัดใส่ทุกคนที่อยู่ตรงหน้า รวมไปถึงเหล่าทหารเรือที่นำทีมนาวาโทวอลเลซอย่างรุนแรงและรวดเร็ว!
เหตุการณ์ชุลมุนระเบิดขึ้นในวินาทีนั้น ทหารเรือที่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกแทงทะลุจนร่างพรุนราวกับรังผึ้ง เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังระงม กลิ่นคาวเลือดฉุนกึกลอยมาเตะจมูกจนรู้สึกคลื่นเหียนอยากอาเจียน แต่เทรย์ก็คุ้นชินกับมันมากพอที่จะไม่ใส่ใจ
และในยามนี้เขากำลังตกตะลึงเมื่อเห็นโล่น้ำแข็งที่เขาไม่ได้เป็นคนสร้างปกป้องพวกเขาจากการโจมตีของอิไล รวมไปถึงการรู้สึกได้ว่าร่างของชายชุดดำที่นอนทับเขาอยู่นั้นเหยียดแขนอ้อมศีรษะของเขา…ซึ่งเป็นทิศทางของเหล่าทหารเรือ
เทรย์อดไม่ได้ที่จะเอี้ยวตัวมองตาม…จึงได้เห็นว่าเบื้องหน้าของนาวาโทวอลเลซนั้นมีโล่น้ำแข็งเช่นกัน ดังนั้นแล้วในบรรดาทหารเรือทั้งหมด คนที่รอดชีวิตมีเพียงนายทหารยศสูงผู้นั้น และทหารเรือชั้นผู้น้อยที่ได้ส่วนบุญจากปราการน้ำแข็ง
โจรสลัดหนุ่มรีบหันเหสายตากลับมามองร่างสูงโปร่งที่เขายังโอบเอวอยู่ อวัยวะที่เขาสามารถเห็นบนใบหน้าส่วนที่ไม่ถูกปิดปากสีดำบดบังนั้น คือคิ้วเส้นตรงและมีรอยแผลเป็นที่หางคิ้วด้านซ้าย และนัยน์ตาสีดำที่คล้ายกับว่าเป็นประกายสีเขียวอยู่ในที
และในวินาทีที่เขากะพริบตา ดวงตาคู่นั้นก็ก้มลงมาสบมองพอดี
ใบหน้าของพวกเขาใกล้กันมากเสียจนเทรย์เห็นเงาสะท้อนของตัวเองในแววตาคู่นั้น
“ปล่อยเอวข้า เจ้าหนู” น้ำเสียงอู้อี้ดังลอดมาจากใต้ผ้าปิดปาก
เทรย์ขมวดคิ้วในทันที เจ้าหนูอีกแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ลดมือที่วางบนแผ่นหลังของอีกฝ่าย ร่างของเขาถูกฉุดให้ลุกขึ้นยืนด้วยแรงอันมหาศาล เขาไม่แปลกใจอีกแล้วเพราะจากสัมผัสที่ผ่านเนื้อผ้า ทำให้เขารู้ว่าภายใต้อาภรณ์สีดำ เจ้าตัวมีกล้ามเนื้อแน่นชนิดที่ว่าลูกเรือของเขาบางคนต้องอายเลยทีเดียว “เจ้าเป็น…”
“โจรสลัด! ผู้พัน!! เรือเดม่าอยู่ในทิศ 2 นาฬิกาจากท่าเรือ!!!”
เสียงตะโกนลั่นจากหอสังเกตการณ์ขัดทุกประโยคได้ชะงัด ทั้งเทรย์และชายชุดดำหันขวับไปทางต้นเสียงทันที และไกลออกไปในทะเล…พวกเขาก็เห็นเรือลำใหญ่พร้อมธงสีดำทะมึนที่ยอดเสากระโดงเรือ
เสียงหัวเราะด้วยความสะใจลอยมาตามลมคล้ายหยอกล้อไปกับผืนผ้าที่โบกสะบัดตามแรงลม
เทรย์สบถในใจด้วยความหงุดหงิด เพราะตอนนี้รู้ดีแล้วว่าโอกาสชิงแผนที่จากมือของโจรสลัดบลายน์นั้นริบหรี่เต็มทน และตอนนี้เขาต้องเอาตัวรอดก่อนจะถูกทหารเรือจับตัว
“อิไล!” แต่ชายชุดดำกลับคำรามลั่นก่อนผละออกไปยังทิศทางนั้นอย่างรวดเร็วท่ามกลางความประหลาดใจของโจรสลัดหนุ่ม
แต่แม้ประหลาดใจ เทรย์ตระหนักดีว่า เขาไม่สมควรอยู่ตรงนี้ไปนานกว่านี้ เขากล้ำกลืนความเจ็บปวดที่บาดแผลก่อนพุ่งตัวไปอีกทางเพื่อหลบหนี ครั้งนี้คงต้องขอบคุณอิไลที่ทำให้กองทัพเรือโลกไม่ใส่ใจจะมองหากัปตันเทรย์ เจย์เดนแห่งเรือทาลิสแมน ดังนั้นแล้วการหายตัวไปจากที่ตรงนั้นโดยไม่มีใครสังเกตจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
.
.
.
“ตามมันไป!” แคร์รี่ไม่รีรอที่จะออกคำสั่งแม้รู้ว่าอาจสายเกินไปที่จะตามจับตัวโจรสลัดวายร้าย เขากัดฟันกรอดด้วยความเจ็บใจขณะที่สายตาตวัดกลับไปมองยังหออาลักษณ์ เขาเห็นซากศพของทหารเรือนอนเกลื่อนกลาดอยู่ตรงหน้า…และข้างหลังของเขานั้นก็เป็นลูกน้องที่นอนจมกองเลือดเช่นกัน
เพียงแค่คืนเดียว กองทัพเรือโลกก็สูญเสียกำลังพลไปมากมายอย่างน่าเศร้าและน่าโมโหในคราเดียวกัน
คาดไม่ถึงเลยว่าหออาลักษณ์จะถูกบุกเข้าไปอย่างง่ายดายราวกับสนามเด็กเล่นเช่นนี้ แต่โจรสลัดชั่วร้ายนั่นก็แสดงให้เขาและกองทัพเรือเห็นแล้ว ในฐานะที่เป็นถึงนายทหารยศสูงของกองทัพเรือ ความรู้สึกตอนนี้มีแต่คำว่าเจ็บใจ และอับอายเป็นที่สุด
เขารีบวิ่งไปยังท่าเรือซึ่งเป็นทิศเดียวกับที่ ‘สหาย’ ของเขาวิ่งไป ดูจากท่าทางเมื่อครู่แล้ว น่าหวั่นใจเหลือเกินว่าเจ้าตัวจะหลุดอะไรที่จะนำภัยมาสู่ตัวออกไป จนกระทั่งเห็นแผ่นหลังใต้อาภรณ์สีดำและอีกฝ่ายก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นแล้ว
ไม่ได้การ!
“หยุด!” แคร์รี่ตะโกนลั่น และพยางค์สั้น ๆ นั้นก็เรียกให้ชายชุดดำหยุดชะงัก และช่วยให้แคร์รี่วิ่งตามทัน เขาเห็นร่างสูงโปร่งลดมือลงและพร้อมกำหมัดแน่นเสียจนสั่นระริก
นาวาโทแห่งกองทัพเรือจึงก้าวเท้าเข้าไปใกล้ร่างสูงนั้น “อย่าทำอะไรสิ้นคิด” เขาเตือนสติ
“เหมือนที่เจ้ากับลูกน้องเจ้าทำให้อิไลได้แผนที่ไปงั้นหรือ?” ชายชุดดำพูดสวนทันทีพร้อมกับตวัดมีดสั้นที่จู่ ๆ ก็ปรากฏขึ้นในมือมาจ่อที่ลำคอของอีกฝ่าย นายทหารที่ยังมีชีวิตรอดพลันเล็งปืนไปยังผู้หมายปองร้ายทันที
“ลดมีด…” หนึ่งในนายทหารตะโกนเสียงดัง แต่ก็พูดได้ไม่จบประโยคเมื่อโดนสายตาคมกริบของชายชุดดำตวัดมามอง แม้ว่าแคร์รี่จะไม่ได้เป็นฝ่ายถูกจ้องมอง เขาก็รู้สึกได้เลยว่าลูกน้องเขากำลังถูกข่มด้วยสายตาที่ให้แต่ความรู้สึกหวาดกลัวและเย็นเยียบ
เขาไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าแม้ว่าพวกเขาจะเป็นฝ่ายถือปืน และอีกฝ่ายมีเพียงแค่มีดเล่มเดียว คน ๆ นี้ก็ไม่ได้เป็นฝ่ายเสียเปรียบเลยแม้แต่น้อย
ราวกับว่าปืนในมือของพวกเขานั้นเป็นเพียงแค่ของเล่นเท่านั้น
“ฟอรัส!” แคร์รี่ตวาดลั่น
เจ้าของชื่อหันกลับมามองนาวาโทหลังถูกเรียกชื่อ พวกเขาจ้องตากันราวกับไม่มีใครยอมใคร ไม่มีใครขยับ แม้แต่เสียงลมหายใจก็ไม่มีให้ได้ยิน
จนกระทั่งเป็นเจ้าของมีดจะเป็นฝ่ายล้มเลิกสงครามจ้องตา เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พร้อมกับลดมีดสั้นลง เขาทำเสียงไม่พอใจในลำคอก่อนจะกวาดสายตามองทหารเรือที่ถือปืนเล็งมาทางเขาอย่างไม่กลัวเกรงเลยแม้แต่น้อย
“อ่อนแอกว่าที่ข้าคิดเกินไปแล้ว” เขากระซิบแผ่วเบาด้วยความดูแคลนก่อนจะเดินผ่านร่างของนาวาโทไป จงใจกระแทกไหล่แรง ๆ จนอีกฝ่ายต้องเหลียวหลังมองตามอย่างหัวเสียไม่แพ้กัน แต่ก็ยังเรียกเพื่อรั้งตัวไว้
“เฮ้”
“อะไร?”
“อย่าคิดทำอะไรโง่ ๆ”
และคำตอบที่แคร์รี่ได้รับ มีเพียงสายตาที่เหลือบมองผ่านหัวไหล่พร้อมคำพูดที่ชวนให้รู้หายใจไม่ทั่วท้องเลยแม้แต่น้อย
“เดี๋ยวก็รู้”
###
การเคลื่อนไหวหยุดลงเมื่อมาถึงจุดนัดพบกับลูกเรือนอกรั้วหออาลักษณ์ กลุ่มโจรสลัด 5 คนหลบซ่อนตัวอย่างแนบเนียนอยู่ในเงามืดของซอยเล็ก และเป็นรอสที่พุ่งเข้ามาหาเมื่อเห็นบาดแผลฉกรรจ์บนแผ่นอกของกัปตัน
“กัปตัน!”
“เงียบ” เทรย์ดุเสียงเข้มก่อนหยิบกระปุกยาออกมาจากกระเป๋าเล็กที่เย็บติดกับเข็มขัดด้านหลัง ผงสีขาวขุ่นจำนวนหนึ่งถูกรอยลงบนบาดแผลฉกรรจ์อย่างลวก ๆ แต่เหล่าลูกเรือกลับเบ้หน้าด้วยรู้สึกเจ็บปวดแทนเมื่อได้ยินเสียงคล้ายดังฟู่ออกมาตามบริเวณที่ผงยาถูกโรยลงไป
…ตลับยาสารพัดนึกนี่สรรพคุณเหลือร้ายก็จริง แต่ยามมันออกฤทธิ์ก็ร้ายไม่แพ้กัน
แต่กัปตันของพวกเขายังคงสีหน้าราบเรียบไว้ได้ขณะกวาดสายตามองบรรดาคนคุ้นหน้าคุ้นตาที่เนื้อตัวเปรอะเปื้อนอย่างเคยชิน และบางส่วนยังมีเลือดติดที่ปลายแขนเสื้อ เมื่อกะจำนวนคนด้วยสายตาแล้ว พบว่าจำนวนคนไม่ลดลงเลย แสดงว่าการจัดการลูกเรือบางส่วนของบลายน์ไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรงนัก
“แล้วของ…” รอสเกริ่นถาม
“บลายน์ได้ไปแล้ว” เทรย์ตอบเสียงแข็งกระด้าง “รีบกลับไปที่เรือและตามรอยเดม่า”
“รับทราบ กัปตัน!”
แล้วกัปตันแห่งเรือทาลิสแมนก็เป็นฝ่ายออกวิ่งนำ ฝ่าความมืดของพอร์ทรอยัลไปยังชายฝั่งลับตาของพอร์ทรอยัล โดยมีชายวัยฉกรรจ์เคลื่อนไหวตามอย่างไร้เสียง
ในระหว่างนั้น เทรย์ก็ยังคงอดคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ไม่ได้ เพราะมีแต่เรื่องพิศวงน่าฉงนมากมายเต็มไปหมด
คนผู้นั้นเป็นใครกันแน่
ทั้งการรับรู้การมีอยู่ของแผนที่ ทั้งความสามารถที่มีแต่กัปตันเรือเท่านั้นที่ครอบครองได้ รวมไปถึงการเลือกปกป้องผู้ที่ควรเป็นปฏิปักษ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนาวาโทวอลเลซผู้นั้นที่ถูกเหล่าโจรสลัดเกลียดชังเข้ากระดูกดำ
อีกทั้งกลิ่นดอกแจสมินอ่อน ๆ ที่แตะปลายจมูกเมื่อครู่นี้ก็ต้องใจไม่ใช่น้อย
เทรย์ไม่เคยเห็นบุรุษคนใดมีกลิ่นดอกไม้ติดกายเช่นนี้
ดังนั้นทั้งหมดทั้งมวลจึงทำให้ตัวตนของชายชุดดำผู้นั้นกระตุ้นต่อมความสนใจไปพร้อม ๆ กับความระแวงได้อย่างน่าทึ่ง
แม้ครั้งนี้ไม่แม้แต่จะเห็นใบหน้าใต้ผ้าสีดำ แต่เพราะดวงตาคู๋นั้นทำให้เขามั่นใจว่า หากพบกันอีกครั้ง เขาย่อมจำได้อย่างแน่นอน และเขาแน่ใจด้วยว่า หากอีกฝ่ายต้องการแผนที่ที่อิไลได้ไป…
…ไม่ช้าก็เร็ว พวกเขาจะได้เจอกันอีก
To Be Continued
เบิกตัวตัวเอกอีก 1 คนสักที! เปิดปุ๊บ เจ็บปั๊บ โดนถีบด้วย วู้ว //เดี๋ยวทำแผลให้นะคะ
ใด ๆ นั้น ขอบคุณทุกคอมเม้นท์มากๆๆๆๆเลยนะคะ บอกตามตรงว่าดีใจมากเลย เราวนอ่านไปมาเหมือนคนบ้าเลยค่ะ แหะๆ เพราะคิดอยู่ว่าเรื่องแนวนี้จะมีคนอ่านหรือชอบอ่านมั้ยนะ แต่เห็นที่ทุกคนคอมเม้นแล้วรู้สึกใจฟู มีกำลังใจเขียนต่อเยอะเลย ;-; //รักนะคะ 3000%
แล้วเจอกันตอนหน้าในอีก 3 วันถัดไปค่ะ
#เล่ห์กลกะโหลกไขว้
Xeiji